วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

ทักษะเบื้องต้น (Basic Skills)


                                                        
การจับแร็กเก็ต
การจับแร็กเก็ตมีความสำคัญมาก เพราะว่าถ้าจับถูกต้องแล้วจะสามารถตีได้ดีทั้งลูกหน้ามือและหลังมือ วิธีจับแร็กเก็ตให้ถูกสุขลักษณะ ผู้เล่นควรจับด้ามแร็กเก็ตแบบจับมือกัน (Shake hand) หรือจับแบบ วีเชป (V-Shape) ด้วยมือข้างที่ถนัด กำมือไม่แน่นหรือหลวมเกินจนเกินไป ให้นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วก้อย และนิ้วหัวแม่มือกำด้ามแร็กเก็ตเรียงเป็นแนว 45 องศา ส่วนการจับไม้แบบหลังมือนั้นจะจับแบบเดียวกันก็ได้ หรือขยับนิ้วหัวแม่มือขึ้นทาบไปกับด้ามไม้เป็นเส้นตรงกับด้านข้างของด้ามไม้ขณะตีก็ได้
การบังคับแร็กเก็ต
เมื่อจับแร็กเก็ตมั่นคงดีแล้ว ลองหัดเหวี่ยงไม้ไปข้างหน้า ข้างหลัง ซ้าย และขวา หัดใช้ข้อมือพร้อม ๆ กันไปด้วย จะเห็นว่าแรงที่มานั้นจะมาจาก
แรงเหวี่ยงของแขน
แรงตวัดของข้อมือ
การเปลี่ยนน้ำหนักตัวจากเท้าหลังไปสู่เท้าหน้า
การตีลูกขนไก่การฝึกตีลูกขั้นต้นให้หัดตีลมไปก่อน ความมุ่งหมายก็เพื่อฝึกการใช้ข้อมือ เพราะแบดมินตันเป็นกีฬาที่ใช้ข้อมือ ขณะ ขณะเดียวกันต้องหัดฟุตเวอร์ค เพื่อฝึกความว่องไวของเท้า วิธีฝึกโดยให้ยืนอยู่กึ่งกลางสนามแล้วเคลื่อนที่โดยการสไลด์ไปทางซ้าย ขวา ข้างหน้า และถอยหลังสลับกันไป ขณะสไลด์ให้ฝึกเหวี่ยงแร็กเก็ตตามไปด้วย บางครั้งทำท่าคล้ายกับการวิ่งเข้าไปรับลูกที่ฝ่ายตรงกันข้ามตีมาในทิศทางต่าง ๆ เมื่อเสร็จจากการวิ่งแต่ละครั้งให้วิ่งกลับมายืนที่เดิม ให้พยายามทรงตัวให้ดี สายตาจับอยู่ที่ลูก การตีควรตีลูกกลับไปยังเป้าหมายที่ห่างตัวผู้รับให้มาก และตีไปในที่ปลอดภัยที่สุดที่ฝ่ายรับจะโต้กลับมาไม่ได้ หรือฝ่ายรับมีโอกาสจำกัดในการรับลูก การตีลูกจากทางด้านเดียวกันกับมือที่ถือแร็กเก็ต เรียกว่า การตีลูกหน้ามือ (Forehand Stroke) ขณะที่ตีลูกเท้าซ้ายจะวางข้างหน้าเท้าขวา ส่วนการตีลูกจากทางด้านตรงกันข้ามกันกับมือที่ถือไม้ เรียกว่าการตีลูกหลังมือ (Backhand Stroke) ขณะที่ตีลูกเท้าขวาจะวางข้างหน้าเท้าซ้าย และหันไหล่ขวาเข้าหาตาข่าย

ฟุตเวอร์ค (Footwork) 
การก้าวเท้าจากท่าเตรียมพร้อมต้องทำให้รวดเร็ว จากท่าเตรียมพร้อมจะยืนเท้าแยกให้ห่างพอสมควรประมาณ 18 นิ้ว ให้น้ำหนักตัวอยู่ที่เท้าหน้า ย่อตัวเล็กน้อย ถ้าถือแร็กเก็ตมือขวาจะยืนโดยให้เท้าซ้ายอยู่ข้างหน้าเล็กน้อย มือยกแร็กเก็ตสูงขึ้น พร้อมที่จะตีลูกได้ทันที ผู้เล่นต้องวางเท้าให้ถูกในการตีลูกแต่ละแบบ มีข้อแนะนำบางประการสำหรับฟุตเวอร์คของผู้เล่นแบดมินตันคือ
อยู่ในท่าเตรียมพร้อมตลอดเวลา
เมื่อจะตีทางด้านที่มือถือแร็กเก็ต ให้หมุนตัวโดยใช้เท้าที่เป็นหลักก้าวเข้าไปตีลูก ให้เท้าขวานำและให้ด้านซ้ายชี้เข้าหาตาข่ายขณะตี
เมื่อพยายามจะตีลูกใด ๆ ก็ตามอีกด้านหนึ่งให้หมุน หรือหันมาทางซ้ายโดยใช้ปลายเท้าทั้งสองเป็นหลัก เวลาตีไหล่ขวาจะชี้เข้าหาตาข่าย
การกระโดดหรือสไลด์เป็นสิ่งสำคัญในการเคลื่อนที่ให้เร็วในการเล่นแบดมินตันอย่ายืนแข็งทื่อขณะรอลูกที่ลอยมา เพราะจะทำให้เคลื่อนที่ได้ช้า

การจับลูกขนไก่
การส่งลูกเป็นการเล่นตีจากด้านล่าง จะตีได้ทั้งลูกหน้ามือและหลังมือ แต่นิยมส่งลูกด้วยหน้ามือมากกว่า เพราะเป็นการส่งที่มีประสิทธิภาพมาก
ข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการส่งลูก พอสรุปได้ดังต่อไปนี้
ยืนห่างเส้นกลางสนาม 2-3 นิ้ว และยืนห่างเส้นส่งลูกสั้นประมาณ 2-3 ฟุต
ยืนให้เท้าซ้ายอยู่ข้างหน้าสำหรับคนถนัดตีมือขวาให้ย่อเข่าเล็กน้อย ขณะส่งลูกให้จำไว้ว่าเท้าทั้งสองต้องแตะพื้นสนาม
สมมุติส่งลูกหน้ามือ ถือไม้มือขวา
ใช้มือซ้ายจับลูกขนไก่ โดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้จับตรงฐานของลูกขนไก่
เหยียดแขนซ้ายขึ้นเป็นเส้นทแยงกับลำตัวสูงระดับไหล่
เหวี่ยงไม้ไปข้างหลังสูงระดับข้อมือ หรือสูงกว่านั้น
ขณะที่เหวี่ยงไม้กลับมาข้างหน้า ให้ปล่อยลูก จุดที่แร็กเก็ตกระทบลูกจะอยู่ระหว่างหัวเข่าและข้อมือ ระหว่างส่งลูกตอนแรก น้ำหนักตัวจะอยู่ที่เท้าหลังก่อน พอส่งลูกไปแล้วน้ำหนักตัวจะกลับมาอยู่ที่เท้าหน้า เพื่อตามลูกไป
การตามลูก (Follow-Through) เป็นสิ่งสำคัญมากจะตามลูกไปในทิศทางขึ้นข้างบนหรือไปในทิศทางที่ต้องการให้ลูกไปตก ถ้าตามลูกน้อยไปลูกจะไปตกไม่ถึงที่ต้องการ
การส่งลูกเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำคะแนนได้ ควรส่งลูกอย่างมีเป้าหมายให้ตกในที่ฝ่ายรับจะรับได้ลำบาก เวลาส่งควรยืนให้เท้าซ้ายอยู่ข้างหน้า จับลูกขนไก่ด้วยมือซ้ายสำหรับคนถนัดขวา ค่อย ๆ ปล่อยลูกขนไก่ให้ได้จังหวะเดียวกับที่มือขวาเงื้อแล้วตีลูกข้ามตาข่ายไปตกตามต้องการ

ข้อควรระวังในการส่งลูกมิให้ผิดกติกา คือ
ขณะส่งลูก ผู้เล่นต้องยืนในแดนที่ถูกต้อง เท้าทั้งสองต้องไม่เหยียบเส้นใดเส้นหนึ่ง
ขณะที่แร็กเก็ตกำลังสัมผัสลูก เท้าทั้งสองต้องอยู่ติดพื้นสนาม จะยกเท้าข้างใดข้างหนึ่งพ้นพื้นสนามไม่ได้
หัวแร็กเก็ตต้องอยู่ต่ำกว่าปลายมืออย่างเห็นได้ชัด ถ้าหัวไม้อยู่ระดับปลายมือถือแสดงว่าเป็นการส่งลูกผิดกติกา

วิธีส่งลูกในการเล่นประเภทเดี่ยว
ในการเล่นประเภทเดี่ยวนิยมส่งลูกโด่ง แต่ก็จะส่งลูกโด่งในการเล่นประเภทคู่ได้บ้าง การส่งลูกโด่งก็คล้าย ๆ กับการส่งลูกสั้น แตกต่างกันที่ การส่งลูกโด่ง ต้องใช้แรงและกำลังมากกว่า เพื่อให้วิถีของลูกลอยโด่งไปตกใกล้เส้นหลังในการเล่นประเภทเดี่ยว และให้ลูกลอยไปตกใกล้เส้นส่งลูกยาวในการเล่นประเภทคู่ การรับลูกควรยืนอยู่กลางสนามและคอยสังเกตุการยืนของผู้ส่งลูกว่าจะส่งมาทิศทางใด และควรเปลี่ยนวิธียืนรับให้ค่อนไปข้างหน้าหรือถอยหลังมาเล็กน้อย แล้วแต่จะเหมาะสมที่จะมีโอกาสตีโต้กลับไปและทำคะแนนได้

วิธีส่งลูกในการเล่นประเภทคู่
นิยมส่งลูกสั้น เพราะใช้แรงเพียงเล็กน้อยให้ลูกเฉียดตาข่าย สูงกว่าตาข่ายประมาณ 1-8 นิ้ว การส่งลูกสั้นจะบังคับให้ผู้รับตีกลับมาด้วยลูกสั้นหรือลูกโด่ง ซึ่งทำให้ฝ่ายส่งลูกตบหรือตีทำคะแนนได้ จุดที่ควรส่งลูกสั้น คือ มุมทั้งสองข้างของสนามฝ่ายรับ เมื่อส่งลูกไปแล้วผู้ส่งควรรีบวิ่งตามลูกเข้าไปใกล้ตาข่าย เพื่อป้องกันมิให้อีกฝ่ายตีลูกสั้นกลับมา ส่วนคู่ของผู้ส่งจะครอบครองเนื้อที่ด้านหลังของสนาม เพื่อมิให้มีพื้นที่ว่าง

การรับลูก 
เมื่อฝ่ายส่งลูกส่งลูกข้ามตาข่ายมา ฝ่ายรับจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะเกมการเล่นอยู่ภายใต้การบังคับของฝ่ายส่งลูก ไม่ว่าฝ่ายส่งลูกจะส่งมายังจุดใดก็ตาม ฝ่ายรับจำเป็นต้องรับ และพยายามตีลูกให้ข้ามไปตามจุดที่ฝ่ายตนจะได้เปรียบ การรับลูกต้องคาดการณ์ล่วงหน้าถึงเป้าหมายการตีของฝ่ายส่งลูกหรือฝ่ายที่ตีโต้กลับมา และการรับลูกต้องตีไปยังจุดที่ห่างตัวอีกฝ่ายหนึ่งให้มากที่สุด ยิ่งตีห่างมากเท่าใด อีกฝ่ายจะมีเวลาจำกัดและตกเป็นฝ่ายรับทันที การรับลูกในเกมแบดมินตัน ไม่ควรตื่นเต้นและรีบร้อน ควรจะควบคุมสติให้มั่นคงตั้งรับโดยไม่กลัวเกรงว่าจะเป็นลูกแบบใหน มีหลักในการรับลูกที่ควรทราบดังนี้ คือ
ยืนอยู่ในสนามด้านของตน
ยืนคอยจนผู้ส่งลูก ส่งลูกข้ามมา
ไม่หลอกล่อ หรือบัง หรือรบกวนผู้ส่งลูก
ไม่ทำชักช้าถ่วงเวลาผู้ส่งลูก ทำให้ผู้ส่งลูกเสียเปรียบ
ในการเล่นประเภทคู่ คู่ของผู้รับจะต้องไม่รบกวนผู้ส่งลูก มอฉะนั้นฝ่ายรับจะเสียคะแนนทันที

การรับลูกในการเล่นประเภทเดี่ยว
ควรยืนรับโดยห่างจากเส้นส่งลูกสั้นประมาณ 2 ฟุต ในท่าเตรียมพร้อม เงื้อไม้สูงพยายามวิ่งเข้าหาลูก อย่าปล่อยให้ลูกลอยเข้าหาตัว ถ้าลูกมาโด่งให้ฟุตเวอร์คถอยหลังกลับไปตีลูกด้วยลูกตบหรือลูกตัดหยอด หรือโยนมุมหลัง ถ้าส่งลูกมาต่ำจะแย็บหรืองัดโด่งไปสองมุมหลัง หรือหยอดสูงมุมหน้าก็ได้

การรับลูกในการเล่นประเภทคู่ 
ฝ่ายส่งมักจะส่งลูกดสดเฉียดข้ามตาข่ายมา การยืนรับลูกควรยืนใกล้เส้นส่งลูกสั้น และพยายามที่จะหาทางตีโต้กลับไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ฝ่ายส่งแก้สถานการณ์ได้ยาก
การรับลูกในการเล่นประเภทคู่ จะต้องพยายามตีลูกกดลงให้ต่ำไว้เสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นฝ่ายรับ อาจรับด้วยลูกดาด ลูกหยอด และลูกทแยงสนามให้ข้ามตาข่ายไป 

เทคนิคการเล่นแบดมินตัน ประเภทคู่


เทคนิคการเล่นแบดมินตันประเภทคู่ เป็นทีมเวอร์ค สำหรับผู้มีพื้นฐานมาบ้างแล้ว เพื่ออาจมีประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อย คิดว่าเป็นการเล่าสู่กันฟัง ผิดถูกประการใด ได้กราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
เกริ่นนำตั้งแต่พื้นฐานเล็กน้อย 


1 การจับไม้ 

อันนี้พูดยากมาก ควรจับให้อยู่สมดุลกลางระหว่าง แบคแฮน และ โฟแฮน  การจับไม้ที่ผิดวิธีอาจดูไม่เป็นไร ในตอนเริ่มต้น แต่ถ้าตีไปสักพักแล้ว รู้สึกว่า ตบไม่แรงสักที แสดงว่า ท่านไม่มีการส่งแรงผ่านข้อมือ ในจังหวะสุดท้าย หรือ ท่านมีอาการปวดไหล่ ก็แสดงว่าท่าน ตีผิดวิธี แต่การจับไม้ก็ไม่ได้ตายตัวเสมอไป การจับไม้ที่ดี ต้องตั้งฉากกับลูก ถ้าเน้นแรง ถ้าเน้น วาง ก็ใช้เฉือนเอา บางท่านจึงสอนว่า อย่าจับไม้แน่นมาก ให้จับหลวมๆ เพราะขึ้นอยู่กับจังหวะหรือมุมในการตีด้วย

2 การตีที่ถูกวิธี ได้ทั้งพลังและทิศทาง 
มีคนบอกว่า ตบไม่แรงเพราะไม่มีข้อมือ อันนั้นไม่จริงเสมอไป อันที่จริงเกิดจากการส่งผ่านแรงไปให้ทุกส่วนและความสมดุลของโมเมนตั้มการเหวี่ยง ต่างหาก เริ่มตั้งแต่  1 การใช้แขนซ้ายช่วยในการเหวี่ยงหรือบิดตัว จากข้างหน้าไปข้างหลัง 2 แขนขวาที่จับไม้อยู่ก็ถูกเหวี่ยงจาก หลังมาหน้า 3 คิดอยู่เสมอว่าคือการเหวี่ยงไม้เป็นวงกลม ใครยืดแขนได้ไกลสุด แรงจะเกิด มากสุด ฉะนั้น ครูบางท่านจีงย้ำเสมอว่า มือให้ตึง เวลาตีลูก 4 เมื่อไม้โดนลูกแล้ว ไม่ควรหยุด ควรเหวี่ยงต่อเพื่อส่งกำลัง ต่อให้ครบการเหวี่ยง โดยจังหวะสุดท้ายก็จะมาจบด้วยการออกแรงที่ข้อมือ  ฉะนั้น คิดเสมอว่าเป็นการเหวี่ยง เหมือนเล่นกอล์ฟ ทุกครั้ง การตีแบลคแฮนก็เหมือนกัน ถ้าแขนไม่ตึงแล้ว ไม่มีทางที่ลูกจะไปไกลได้
ข้อควรระวัง: ในการตีลูกโดยมือตึงสูงสุดนั้น ลูกก็ต้องอยู่ สูงสุดที่มือเอื้อมถึงเช่นกัน
                    

  หน้าไม้ก็สำคัญ ถ้าจะตีแรง หน้าไม้ต้องตั้งฉากกับลูกเสมอ มีบางคนตบแบบเฉือนๆ จะไปแรงได้ไง

3 เสต็บเท้า ของการเล่นเดี่ยว ไปได้ทั้งหน้าและหลัง มีหลักดังนี้
                1 ต้องยืนที่กลางคอร์ด ห้ามเอียงไปด้านไดด้านหนึ่ง
                2 เอาเท้าขวามาอยู่หน้า  เวลาไปข้างหน้า ให้ก้าวเท้าซ้าย และ ตามด้วยขวา (2 ก้าว)
                                                เวลาไปข้างหลัง ให้ก้าวเท้าขวาไปข้างหลัง ตามด้วยซ้าย และ ขวา (3ก้าว)
                จะเห็นได้ว่า การก้าวไปข้างหลังใช้ จำนวนก้าว มากกว่า ไปข้างหน้า เพราะ ว่า ลูกไปข้างหลังย่อมใช้เวลานานกว่าไปข้างหน้า นั่นเอง

4 การเสริฟสำหรับการเล่นเดี่ยวควรยืนเสริฟที่กลางคอร์ด
การเล่นคู่ แบ่งเป็น 2 ประเภท 


1 การที่ฝ่ายเราได้ลูกเสริฟ หรือ การบุก
2 การที่ตรงข้ามได้ลูกเสริฟ หรือ การรับ

1 การที่ฝ่ายเราได้ลูกเสริฟ หรือ การบุก 
เราได้เสริฟ  ควรเสริฟสั้นโดยไปยืนตรงตัว T  ข้างหน้าเลย พยายามเสริฟ ให้สั้น โดยหวังว่า คู่ต่อสู้จะงัดลูกขึ้น ไปให้เพื่อนที่อยู่ข้างหลัง ตบได้ง่ายๆ 
อาจมีพวกรู้ทัน หยอดกลับ ไม่ยอมโยนขึ้น ให้คนเสริฟ วิ่งไป รับลูกนั้น โดยการแย๊บ ถ้าไม่ได้จึงค่อยโยนขึ้น
พึงระวังไว้ว่าใครโยนขึ้นฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายรับแล้ว
และมีพวกรู้ทันที่เก่ง จะแย๊บลูกเสริฟเราทันทีที่เราเสริฟลูกสั้นไป ทีนี้จะแก้โดนให้เพื่อนตีสวนกลับไปทันที โดยเพื่อนก็ต้องมายืน ตรงกลางคอร์ดเลย ข้างหลังคนเสิรฟ นั้นเอง ห่างกันนิดเดียว สาเหตที่ไม่ไปยืนอยู่หลังเลย เพราะกลัวจะรับลูกแย๊บไม่ได้ เพราะลูกแย๊บส่วนมากจะสั้นนั่นเอง
เทคนิค –อย่าพยายามโยนลูกขึ้น ไปข้างหลัง หรือในลักษณะ การงัดขึ้น ในทุกกรณี เว้นลูกหยอด
-          การตีลูกหยอด ควรตีตั้งแต่ลูกอยู่บนหัวเนตเลย ไม่ควรรอให้ต่ำลงมาก่อนค่อยตี
-          การเล่นลูกวางหรือ หยอดจากท้ายคอร์ด ควรตีในจังหวะที่ลูกสูงที่สูด เพราะลูกจะมีมุมสูง จะชิดเนตมากๆ
-          ถ้าเพื่อน เล่นลูกหยอดจากท้ายคอร์ด ให้เราวิ่งไปเซฟลูกหยอดกลับจากฝ่ายตรงข้ามทันที โดยจะแย๊บ หรือ จะหยอดเฉียงไปอีกมุมก็ได้ ไม่จำเป็น ห้ามโยนขึ้น
-          ถ้าเราได้ลูกโยนขึ้นจากฝ่ายตรงข้ามมาให้ และเพื่อนช่วยเซพ อยู่ข้างหน้าแล้ว ให้ตบเท่านั้น ตบไม่ได้ให้ เล่นลูก หยอดวางไปข้างหน้า ไม่ควร โยนโด่งกลับไป

2 การที่ตรงข้ามได้ลูกเสริฟ หรือ การรับ 
ตั้งรับโดยการยืนซ้ายขวา รักษาพื้นที่กัน 

หน้าใคร ใครรับ
หลังใคร ใครรับ
โดนตบ รับกันเอง
โดนตบมาตรงกลางระหว่าง 2 คน ตัวใครตัวมัน ใครรับได้รับ
ได้ลูกโยนมาตรงกลาง คนด้านซ้าย ตี
การรับลูกเสริฟ  มือขวาชูด้านบน พยายามเย๊บลูกเสริฟหยอดให้ได้ โดยไปยืนข้างหน้าเลย เอาขาซ้ายนำ พอจะตีให้ก้าวเท้าขวาไป และแย๊บ
ระวังเจอพวก เสริฟโยน ขึ้น อันนี้ต้องก้าวถอยหลังมา ซ้ายขวา และกระโดดขึ้นทันที  มือขวาชูด้านบนไว้ตลอด เพราะกลัวไอ้พวกโยนนี่หละครับ